ประวัติการแข่งขันเรือยาวจังหวัดพิจิตร
การแข่งขันเรือยาว เป็นวัฒนธรรมประเพณีของชาติมาหลายยุคหลายสมัย สำหรับการแข่งขันเรือยาวประเพณีของวัดท่าหลวง เริ่มตั้งแต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณพระธรรมทัสสี-มุนีวงศ์ (เอี่ยม) มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง และเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ประมาณ พ.ศ. 2450 แข่งขันติดต่อกันมาจนกระทั่งถึงสมัยของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณพระฑีฆทัสสี-มุนีวงศ์(ไป๋ นาควิจิตร) มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าหลวงและเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ในสมัยของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณพระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ เป็นเจ้าอาวาส การกำหนดงานจัดงานแข่งขันเรือกำหนดตามวันทางจันทรคติคือวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ภายหลังน้ำในแม่น้ำน่านลดลงไวเกินไปไม่เหมาะสมจะแข่งขันเรือยาวจึงเปลี่ยนมาเป็นวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 10 และจัดแข่งขันเพียงวันเดียว
การแข่งขันเรือยาวของวัดท่าหลวง ประชาชนให้ความสนใจมาชมงานอย่างคับคั่งล้นหลามตลอดมา เพราะวัดท่าหลวงตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพิจิตรเพียงวัดเดียวเท่านั้น เจ้าคณะจังหวัดพิจิตรเป็นผู้จัดสนับสนุน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร (สมัยก่อนเรียกผู้ว่าราชการ ว่า ข้าหลวง หรือ พ่อเมือง) สิ่งที่จูงใจอีกอย่างหนึ่ง คือ ภายในวัดท่าหลวงมีพระพูทธรูปทรงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง คือ หลวงพ่อเพชร สมัยเชียงแสนสิงห์ 1 รุ่นแรก ขนาดหน้าตักกว้าง 2 ศอก 6 นิ้ว เป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดพิจิตร และจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างยิ่ง เมื่อประชาชน มาชมการแข่งขันเรือยาวแล้วได้มีโอกาสนมัสการ และปิดทององค์หลวงพ่อเพชรด้วยมือของตนเองด้วย(เมื่อหลวงพ่อเพชรประดิษฐานอยู่ที่อุโบสถหลังเก่าที่หลวงพ่อเอี่ยมสร้างด้วยไม้สักเกือบทั้งหลัง) ได้อนุญาตให้ปิดทองที่องค์จริงได้ ต่อมา พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณพระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ (ไป๋ นาควิจิตร) เมื่อ พ.ศ. 2492 ได้อัญเชิญหลวงพ่อเพชรไปประดิษฐานเหนือพระแท่นฐานชุกชี แล้วลงลักปิดทองเรียบร้อยทั้งองค์ แล้วห้ามประชาชนปิดทององค์จริง เพราะว่าจะทำให้เสียความงามพระพุทธลักษณะ ปัจจุบันประชาชนให้ความเคารพนับถือหลวงพ่อเพชรทั่วประเทศไทยแล้ว แม้วันปกติพระอุโบสถที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อเพชรก็ไม่ว่างจากสาธุชนที่มานมัสการ ผู้ที่มาเที่ยวเมืองพิจิตร หรือมาชมงานแข่งขันเรือยาวประเพณี หากยังไม่ได้ไปนมัสการองค์หลวงพ่อเพชร ผู้นั้น ชื่อว่ายังมาไม่ถึงเมืองพิจิตร และวัดท่าหลวง เพราะว่าหลวงพ่อเพชรเป็นจุดรวมจิตใจของประชาชนชาวจังหวัดพิจิตร
ในการจัดรางวัลการแข่งขันเรือยาวประเพณีนั้น ในสมัยหลวงพ่อเอี่ยมและต้นสมัยหลวงพ่อไป๋นั้น จัดผ้าห่มหลวงพ่อเพชรพับใส่พานให้เป็นรางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศแก่เรือยาวเมื่อเรือยาวลำใดได้ผ้าห่มหลวงพ่อเพชรไปแล้ว จะพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง จะนำผ้ารางวัลนั้นพันไว้ที่โขนเรือ โดยถือว่าเป็นสิริมงคลแก่เทือกเรือ (ฝีพาย) ของตน ภายหลังคณะกรรมการพิจารณาเห็นว่าผ้าห่มหลวงพ่อเพชรเป็นของสูง การนำผ้าห่มของหลวงพ่อเพชรไปพันที่โขนเรืออาจไม่เหมาะสม จึงยกเลิกเสีย แล้วจัดทำธงที่มีภาพหลวงพ่อเพชรเป็นรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศแทน ต่อมา ได้ทำธงแบบนี้ให้เป็นอนุสรณ์แก่เรือที่เข้าร่วมแข่งขันทุกลำ
การแข่งขันเรือยาวประเพณีของจังหวัดพิจิตร ณ วัดท่าหลวง ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย ลำดับคือ เพิ่มวันแข่งขันจากหนึ่งวันมาเป็นสองวัน เพราะเรือยาวประเภทต่าง ๆ ที่เข้าร่วมแข่งขันเพิ่มขึ้นทุกปี และเพื่อความเป็นธรรมแก่เรือที่เข้าร่วมแข่งขัน ได้จัดเพิ่มเรือยาวขนาดกลาง ขึ้นมาอีกขนาดหนึ่ง รวมเป็น 3 ขนาด คือ ขนาดเล็ก ฝีพายไม่เกิน 30 คน ขนาดกลางฝีพาย ไม่เกิน 40 คน ขนาดใหญ่ฝีพายไม่เกิน 55 คน แต่ละขนาดแยกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภท ก และประเภท ข ประเภท ก คือ การแข่งขันเรือยาวทั่วไป โดยเชิญจากทุกจังหวัดที่มีเรือยาวเข้าร่วมแข่งขัน ส่วนประเภท ข นั้น เราจะเชิญเฉพาะเรือยาวที่อยู่ในจังหวัดพิจิตร เท่านั้นกำหนดวันแข่งขันจากวันจันทรคติ คือวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 10 มาเป็นวันสุริยคติ คือ เสาร์ อาทิตย์ ของต้นเดือนกันยายนทุกปี
ในปี พ.ศ. 2524 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานถ้วยรางวัล เนื่องในการแข่งขันเรือยาวประเพณีของจังหวัดพิจิตร ทั้ง 3 ประเภท คือ ประเภทเรือยาวใหญ่ ขนาด 55 ฝีพาย ประเภทเรือยาวกลาง ขนาด 31-40 ฝีพาย และประเภทเรือยาวเล็ก 30 ฝีพาย นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า ฯ หาที่สุดมิได้ ถ้วยรางวัลที่พระองค์ พระราชทานมานี้ได้สร้างความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งให้แก่ประชาชนชาวจังหวัดพิจิตร และ คณะกรรมการผู้จัดงาน หลังจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ได้พระราชทาน ถ้วยรางวัลแก่คณะกรรมการผู้จัดงานมานั้นแล้ว ได้สร้างความสนใจแก่ประชาชนผู้มาชมงานเป็นอย่างยิ่งเพราะเรือยาวส่งเข้าแข่งขันมากขึ้นและประชาชนมาชมงานมากขึ้น รายได้จากการจัดงาน ก็มากขึ้นมีผลให้เงินสุทธิของงานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
เมื่อการจัดงานแข่งขันเรือยาวของจังหวัดพิจิตรเสร็จเรียบร้อย แต่ละปีจะมีรายได้สุทธิเป็นจำนวนเท่าใด ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ก็จะนำรายได้สุทธิจากงานนั้นส่วนหนึ่งถวายวัดท่าหลวง ทางวัดได้นำเงินจำนวนนี้บูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุภายในวัดท่าหลวง คือ บูรณะกุฏิสงฆ์ อีกส่วนหนึ่งจะใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศลต่าง ๆ เช่น รายได้จากการจัดงานในปี 2538 - 2539 ปีเฉลิมฉลองกาญจนาภิเษก ได้นำเงินขึ้นทูลเกล้า ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศรัย จำนวนเงินถึง 3 ล้านบาท และการจัดงานประเพณีแข่งขันเรือยาวปี 2550 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา จังหวัดพิจิตรได้นำเงินรายได้จากการจัดงานขึ้นทูลเกล้าฯถวาย อีก จำนวน 3 ล้านบาท
ท่านที่มาชมงานแข่งขันเรือยาวของจังหวัดพิจิตร ที่ได้สละปัจจัยบำรุงงาน(ซื้อบัตรผ่านประตู) ชื่อว่าท่านเป็นผู้มีส่วนบำรุงสาธารณกุศลในจังหวัดพิจิตรและได้ชื่อว่าเป็นผู้มีส่วนส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรม การกีฬาแข่งขันเรือยาวประเพณีอันดีงามของชาติให้คงอยู่ต่อไป สำหรับปีนี้ จังหวัดพิจิตรจะจัดงานแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ในวันที่ 5 - 7 กันยายน 2551 ท่านจะได้ชมขบวนเรือพยุหยาตราจำลองทางชลมารคที่สวยงามตระการตา หนึ่งในสยามของงานแข่งเรือ การแข่งขันเรือยาวที่สนุกสนาน เร้าใจ จากการประชันฝีพายเรือ ถึง 4 ประเภท และยังได้เลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพจาก โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ อีกด้วย